อุณาโลม หนึ่งในสัญลักษณ์ที่ชาวพุทธเคยพบเห็นผ่านตาบ่อย ๆ เพราะอุณาโลมถือเป็นวัตถุมงคลอย่างหนึ่งที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน แต่รู้หรือไม่ว่ากว่าจะมาเป็นอุณาโลมที่เราบูชากันในปัจจุบันมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง หาคำตอบไปพร้อมกัน
อุณาโลมคืออะไร
อุณาโลมคือขนระหว่างคิ้ว (ราชบัณฑิตยสถาน, 2525) จัดเป็น 1 ในลักษณะ 32 ประการของ ‘มหาบุรุษ’ ซึ่งระบุไว้ในพระสุตตันตปิฎกเล่มที่ 3
👉 สนใจสั่งซื้ออุณาโลม: อุณาโลม 13.5 นิ้ว | อุณาโลม 20 นิ้ว | อุณาโลม 35 นิ้ว
อุณาโลมมาจากไหน?
ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าอุณาโลมเกิดในยุคสมัยใด เพราะในช่วงเวลาเดียวกัน อุณาโลมถูกพบทั้งในประเทศไทย อินเดีย และเนปาล หรือบริเวณแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม มีการสันนิษฐานว่าถูกค้นพบในประเทศอินเดีย ที่นับถือศาสนาฮินดู และเผยแพร่อิทธิพลดังกล่าวมายังไทย
อุณาโลมในประเทศไทย
อุณาโลมถูกค้นพบที่ประเทศไทยครั้งแรกในสมัยทวารวดี ซึ่งปรากฏอยู่บนพระพุทธรูป เป็นสัญลักษณ์อยู่กลางพระนลาฏ (หน้าผาก) รวมไปถึงอักขระยันต์ต่าง ๆ ในตำราพิชัยสงคราม นอกจากนี้อุณาโลมยังใช้เป็นตราประจำรัชกาลที่ ๑ อีกด้วย
อุณาโลมกับความเชื่อ
แรกเริ่มเดิมที อุณาโลมเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่พบกลางพระนลาฏของพระพุทธรูปในยุคทวารวดี และไม่ได้พบในพระพุทธรูปทุกองค์ แต่ต่อมาได้มีการสร้างความหมาย และความเชื่อให้กับอุณาโลม
โดยมีตำนานเล่าว่าในสมัยรัชกาลที่ ๑ ทหารเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง คุยทับถมกันเรื่องเครื่องรางของตนเอง ทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกริบเครื่องรางทั้งหมด แล้วทำพิธีพุทธาภิเษกผ้ายันต์อุณาโลมแจกทั้งกองทัพ เพื่อรวมใจทุกคนเป็นหนึ่งเดียว และท้ายที่สุดกองทัพไทยก็ได้ชัยชนะกลับจากสงคราม ทั้งที่พม่ามีกองกำลังมากกว่า
ด้วยเหตุนี้อุณาโลมจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งกองทัพ และต่อมาก็กลายเป็นสัญลักษ์ประจำกองทัพไทย โดยมีความเชื่อส่งต่อกันมาว่า อุณาโลมเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความมงคล และถูกนำมาใช้เป็นเครื่องรางของขลังในคนกลุ่มหนึ่ง
อุณาโลมเวียนซ้าย และอุณาโลมเวียนขวาต่างกันอย่างไร?
ตามความเชื่อที่ส่งต่อกันมา กล่าวว่าอุณาโลมเวียนขวา หมายถึงเมตตามหานิยม และอุณาโลมเวียนซ้าย หมายถึงความคงกระพันชาตรี
ปัจจุบันในประเทศไทยอุณาโลมมักใช้ในเชิงความเชื่อ เช่นการทำยันต์อักขระต่างๆ บ้างก็นำสัญลักษณ์อุณาโลมมาเป็นของแต่งบ้าน หรือตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ เพราะมีความสวยวาม และเป็นสิริมงคล
อ้างอิง:
http://docs.nhrc.or.th/uploads/44663-doc01528320200124154048.pdf
ไม่อนุญาตให้นำรูปภายในบทความไปใช้ทุกกรณี