พระแม่อุมา หนึ่งในเทพที่ได้รับความนับถือมากเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย ซึ่งเป็นอิทธิพลที่ได้รับมาจากชาวฮินดู แต่จะมีใครรู้บ้างว่ากว่าพระแม่อุมาเทวีจะได้เป็นพระมเหสีเอกเพียงองค์เดียวของพระศิวะจะต้องสละสิ่งใดบ้าง? มาหาคำตอบกับตำนานการบำเพ็ญเพียรของพระแม่อุมาเทวีไปพร้อมกัน!
พระแม่อุมาเทวีคือใคร?
พระแม่อุมาเทวี(พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี) คือพระมเหสีเอกของ พระศิวะมหาเทพ และเป็นพระมารดาของพระคเณศ ชาวฮินดูลัทธิไศวะนิกาย มักจะบูชาพระแม่อุมาควบคู่ไปพระกับศิวะ แต่ต่อมาได้แยกเป็น ‘ลัทธิศักติ’ เพราะถูกยกให้มีบทบาทเทียบเท่าพระศิวะ โดยลัทธิของพระแม่อุมาจะมีคัมภีร์ตันตระเป็นหัวใจสำคัญของลัทธิ
สั่งซื้อ: ขันโตก (งานปิดทองคำเปลว)
พระแม่อุมาเทวีมีกี่ปาง?
พระแม่อุมาเทวีมีหลายปางตามความเชื่อที่หลากหลาย แต่ปางที่ได้รับความเคารพมากที่สุดได้แก่ พระนางอุมาปารวตี (พระแม่อุมา) พระนางมหากาลี (พระแม่กาลี) และพระนางทุรคาเทวี (พระแม่ทุรคา)
ตำนานการกำเนิดของพระแม่อุมาเทวี
ตามตำนานความเชื่อเล่าว่า พระแม่อุมาเทวีถือกำเนิดจากเหล่าทวยเทพไปเข้าเฝ้าพระวิษณุ เพราะเป็นห่วงความอยู่รอดของจักวาล เพราะพระศิวะเข้าสู่การบำเพ็ญที่ยาวนาน จนเกิดสภาวะสงบนิ่ง พระวิษณุจึงแนะนำให้อ้อนวอนต่อพระแม่ศักติวาให้แบ่งภาคมาเกิดอีกครั้ง เหล่าทวยเทพจึงทำการรวบรวมสมาธิ และทำพิธีอ้อนวอนต่อพระแม่ศักติศิวา
ซึ่งภาวะดังกล่าวของพระศิวะ เกิดจากการสูญเสียพระแม่สตี (อดีตชายาที่แบ่งภาคมาจากพระแม่ศักติศิวา) ที่เผาทำลายร่างของตัวเองด้วยความโกรธ เนื่องจากพระทักษะผู้เป็นพ่อของพระนาง มิยอมอัญเชิญพระศิวะเทพ (ในเวลานั้นคือพระสวามีของพระแม่สตี) ไปงานบวงสรวงที่พระทักษะจัดขึ้น เพราะพระทักษะมองว่าพระศิวะเป็นเพียง ‘กะปาลัน’ หรือพระที่มีกะโหลกมนุษย์เป็นเครื่องประดับ
โดยสมัยที่พระนางสตียังมีชีวิตอยู่ พระนางได้รับความรักจากท้าวหิมวัตและนางเมนกาดุจเป็นธิดาของตนเอง พระนางสตีจึงตั้งจิตไว้ว่าหากเกิดใหม่อีกครั้งจะมาเป็นธิดาของจ้าวเขาหิมาลัย
หลังจากการทำพิธีของเหล่าทวยเทพ พระแม่อุมาก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในคืนที่ 9 เวลาเที่ยงคืน ราว ๆ เดือนมีนาคม - เมษายน และมีพระนามว่า ‘พระนางปารวตี’ เพราะเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัว แต่กลายเป็น ‘พระนางอุมา’ ในภายหลัง เพราะพระนางเมนกาอุทานว่า ‘โอ่ มา’ หลังทราบว่าพระแม่อุมาต้องการออกบำเพ็ญพรต
พระแม่อุมาเทวี และ พระศิวะมหาเทพ
พระแม่อุมาเทวีทราบดีว่าตนจะได้สวามีเป็นโยคีนุ่งห่มด้วยหนังช้าง เพราะเป็นคำทำนายจากพระฤาษีนารัทในชาติปางก่อนที่พระแม่อุมาระลึกชาติรู้มาได้ ครั้นเมื่อพระศิวะเสด็จมาประกอบกรรมฐานที่เขาหิมาลัย ท้าวหิมวัตผู้เป็นพ่อจึงพาพระแม่อุมาเทวีไปถวายผลไม้แก่พระศิวะ
ทันทีที่พระศิวะเห็นพระแม่อุมาเทวี ความรักก็บังเกิด แต่พระศิวะก็รีบนำตัวเองเข้าสมาธิทันที และอนุญาตให้ท้าวหิมวัตเข้าเฝ้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะพระศิวะเชื่อว่าสตรีงามเป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญพรตของบุรุษ และทำลายตบะได้ เพราะสตรีคือรากฐานแห่งกิเลสทางโลก
แต่ด้วยความฉลาดของพระแม่อุมาเทวีได้ตั้งอุบายว่าพระศิวะเป็นถึงเทพเจ้าแห่งกรรมฐาน และยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล เหตุใดจึงต้องเกรงกลัวต่อสตรีตัวเล็กเช่นนี้ พระศิวะจึงจำนนให้พระแม่อุมาเทวีได้เข้ามาถวายการรับใช้ระหว่างพระศิวะบำเพ็ญเพียรได้
พระแม่อุมาเทวีไม่เคยย่อท้อต่อการรับใช้ ทั้งล้างพระบาท ดื่มน้ำล้างพระบาท และขับร้องเพลงแสดงความรักต่อพระศิวะ แต่พระศิวะต้องการภริยาที่เป็นโยคินีเท่านั้น พระฤๅษีนารัทจึงแนะนำให้พระแม่อุมาไปบำเพ็ญพรตที่คงคาวัตวัณเป็นเวลา 3 พันปีเทพ โดยพระแม่อุมาต้องนั่งบำเพ็ญเพียรท่ามกลางไฟ น้ำฝน หิมะ เพื่อแสดงความมั่นคงแน่วแน่ต่อพระศิวะ
ท้ายที่สุดพระแม่อุมาเทวีได้อดอาหารและนั่งกรรมฐานจนไฟลุกไหม้ทั้ง 3 โลกด้วยเพลิงพลังโยคะ ทำให้พระศิวะพอใจ และส่งฤๅษีเข้าไปทดสอบจิตใจของพระแม่อุมาแต่ไม่เป็นผล พระศิวะจึงแปลงกายเป็นพราหมณ์แก่เพื่อชักจูงให้พระแม่อุมาเทวีเปลี่ยนใจ แต่พระแม่อุมามีความมั่นคงต่อพระศิวะเทพเพียงองค์เดียวเท่านั้น พราหมณ์แก่จึงคืนร่างเป็นพระศิวะ และแต่งงานกับพระแม่อุมาเทวีตั้งแต่นั้นมา